เก็บน้ำไว้ในอ่างน้ำโดยการก่อสร้างเขื่อน เพื่อให้ระดับน้ำที่เก็บอยู่สูงกว่าโรงไฟฟ้า 2. ปล่อยน้ำลงมาตามท่อไปยังอาคารโรงไฟฟ้า โดยควบคุมปริมาณน้ำให้ได้ตามต้องการ 3. น้ำจะถูกส่งเข้าเครื่องกังหันลมพลักดับใบพัดของกังหันน้ำ ทำให้กังหันหมุนด้วยความเร็วสูง ซึ่งเเบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 3. 1 กังหันน้ำประเภทหัวฉีด 3. 2 กังหันน้ำประเภทอาคัยแรงปฎิกิริยา 4. เพลาของเครื่องกังหัน ที่ต่อเข้ากับเพลาของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะหมุนทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมุนตามได้ด้วย ประเภทของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ แหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าของระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำ คือ โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ เเบ่งตามลักษณะการบังคับน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้ามี 4 แบบ คือ 1. โรงไฟฟ้าเเบบมีน้ำไหลผ่านตลอดปี จะผลิตไฟฟ้าโดยการใช้น้ำที่ไหลตามธรรมชาติของลำน้ำหากน้ำมีปริมาณมากเกินไปกว่าที่โรงไฟฟ้าจะรับได้ก็ต้องทิ้งไป ส่วนใหญ่โรงไฟฟ้าแบบนี้จะอาศัยติดตั้งอยู่กับเขื่อนผันน้ำชลประทานซึ่งมีน้ำไหลผ่านตลอดปี เช่น โรงไฟฟ้าที่เขื่อนผันน้ำเจ้าพระยา 2. โรงไฟฟ้แบบมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก จะสามารถควบคุมผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ได้ดีกว่าโรงไฟฟ้าเเบบนี้น้ำไหลผ่านตลอดปี และโรงไฟฟ้าขนาดเล็กบ้านสันติ จังหวัดยะลา 3.
1. โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ (Large hydroelectric power plant) โรงไฟฟ้าที่มีขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า มากกว่า 30 เมกะวัตต์ ตัวอย่างเช่น โครงการไฟฟ้าพลังนํ้าขนาดใหญ่เขื่อนภูมิพลจังหวัดตาก มีกำลังผลิต 779. 2 เมกะวัตต์ เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีกำลังผลิต 240 เมกะวัตต์ 2. โรงไฟฟ้าพลังนํ้าขนาดเล็ก (Small hydroelectric power plant, mini hydroelectric power plant) โรงไฟฟ้าที่มีขนาดกำลังผลิตอยู่ระหว่าง 200 กิโลวัตต์ ถึง 30 เมกะวัตต์ ตัวอย่างเช่น โรงไฟฟ้าพลังนํ้าคีรีธาร จังหวัดจันทบุรีเป็นโครงการไฟฟ้าพลังนํ้าขนาดเล็กที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ. ) กระทรวงพลังงาน มีกำลังผลิตไฟฟ้า 12. 20 เมกะวัตต์ สามารถสรุปเป็นตารางกำลังการผลิต 3. โรงไฟฟ้าพลังนํ้าขนาดจิ๋ว (Micro hydroelectric power plant) โรงไฟฟ้า มีขนาดกำลังผลิตน้อยกว่า 200 กิโลวัตต์ ตัวอย่างเช่น โครงการผลิตไฟฟ้าพลังนํ้าระดับหมู่บ้าน ที่บ้านแม่กำปองอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 80 กิโลวัตต์ ดูแลโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ. ) โครงการไฟฟ้าพลังนํ้า แม่กำปอง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
พลังงานความร้อน แหล่งกำเนิดพลังงานความร้อน มนุษย์เราได้พลังงานความร้อนมาจากหลายแห่งด้วยกัน เช่น จากดวงอาทิตย์, พลังงานในของเหลวร้อนใต้พื้นพิภพ, การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง, พลังงานไฟฟ้า, พลังงานนิวเคลียร์, พลังงานน้ำในหม้อต้มน้ำ, พลังงานเปลวไฟ ผลของความร้อนทำให้สารเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น อุณหภูมิสูงขึ้น หรือมีการเปลี่ยนสถานะไป และนอกจากนี้แล้ว พลังงานความร้อน ยังสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้อีกด้วย หน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อน คือ แคลอรี่ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า แคลอรี่มิเตอร์ 3.
รูปภาพ: ั๊มน้ำ-รุ่น,,,
ประเภทของพลังงาน พลังงานแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ตามลักษณะที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งได้แก่ 1. พลังงานเคมี (Chemical Encrgy) 2. พลังงานความร้อน (Thermal Energy) 3. พลังงานกล (Mechanical Energy) 4. พลังงานจากการแผ่รังสี (Radiant Energy) 5. พลังงานไฟฟ้า (Electrical Energy) 6. พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Energy) 1.
พื้นผิวโลกถึง 70 เปอร์เซนต์ ปกคลุมด้วยน้ำ ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย น้ำเหล่านี้มีการเปลี่ยนสถานะและหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา ระหว่างผิวโลกและบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรียกว่า วัฏจักรของน้ำ น้ำที่กำลังเคลื่อนที่มีพลังงานสะสมอยู่มาก และมนุษย์รู้จักนำพลังงานนี้มาใช้หลายร้อยปีแล้ว เช่น ใช้หมุนกังหันน้ำ ปัจจุบันมีการนำพลังงานน้ำไปหมุนกังหันของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าพลังน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า ที่มา: ลังงานทดแทน
ประเภทของพลังงาน พลังงานตามลักษณะของการสูญเสีย แบ่ง เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ พลังงาน (power) ที่ใช้แล้วหมดไป หรือที่เรียกว่า พลังงานสิ้นเปลือง เช่น น้ำมันดิบที่ได้จากการขุดเจาะ รวมทั้งหินน้ำมัน ทรายน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ พลังงานประเภทนี้ใช้แล้วหมดไป เพราะต้องใช้เวลานานนับล้านปีในการเกิดขึ้นไม่ทันการใช้ พลังงานพวกนี้ปกติแล้วจะอยู่ใต้ดิน พลังงาน (power) ใช้ไม่หมด / พลังงานหมุนเวียน / พลังงานทดแทน เช่น ไม้ ชีวมวล น้ำ แสงอาทิตย์ ลม และคลื่น ที่ว่าใช้ไม่หมดก็เพราะสามารถหามาทดแทนหรือผลิตขึ้นใหม่ได้ในเวลาไม่นาน 1. แหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป 1. 1 พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ภาพจาก เชื้อเพลิงฟอสซิล คือ เชื้อเพลิงที่เกิดจากซากพืชซากสัตว์ที่ตายทับถมกันนับล้านปีใต้ท้องทะเลหรือพื้นดินลึ เชื้อเพลิงฟอสซิล ได้แก่ ถ่านหิน น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ พลังงานเคมีจะถูกสะสมในโครงสร้างอะตอมของเชื้อเพลิงเหล่าน เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี เช่น การเผาไหม้ก็จะทำให้เกิดพลังงานความร้อนออกมา เชื้อเพลิงฟอสซิสที่ใช้อยู่ทั่วไปในสภาพอณุหภูมิปกติ 1. 2พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานความร้อนใต้พิภพ หมายถึง พลังงานความร้อนตามธรรมชาติที่ได้จากแหล่งความร้อนภายใต้ผิวโลก ภายในใจกลางของโลก จะมีแหล่งพลังงานความร้อนมหาศาลอยู่และมีแรงดันสูงมาก มักพบในบริเวณที่เรียกว่าจุดร้อน (hot spots) โดยบริเวณนั้นจะมีค่าการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิตามความลึก มีบริเวณที่มีการไหล หรือแผ่กระจาย ของความร้อน จากภายใต้ผิวโลกขึ้นมาสู่ผิวดิน (geothermal gradient) มากกว่าปกติประมาณ1.
ผลิตกระแสไฟฟ้าโดย ไฟฟ้าพลังน้ำ (พลังงานศักย์ในน้ำที่เก็บไว้) เป็นหนึ่งในวิธีที่สะอาดที่สุดในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ในปี 2012, โรงไฟฟ้าพลังน้ำ มีส่วนร่วมประมาณ 16% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของโลก การกระแสไฟฟ้าที่ใช้กำลังน้ำ เป็นรูปแบบของพลังงานทดแทนที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นและต้นทุนการผลิตไฟฟ้าค่อนข้างต่ำ บทความนี้พูดถึงเกี่ยวกับเค้าโครงส่วนประกอบพื้นฐานและ การทำงานของสถานีไฟฟ้าพลังน้ำ. แผนผังและการทำงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ภาพด้านบนแสดงให้เห็นถึง รูปแบบทั่วไปของโรงไฟฟ้าพลังน้ำและส่วนประกอบพื้นฐาน.
2 < H < 4 กังหันสกรูของอาร์คิมิดีส 1 < H < 10 กังหันแคปแลน 2 < H < 40 กังหันฟรานซิส 10 < H < 350 กังหันเพลตัน 50 < H < 1300 กังหันเทอร์โก 50 < H < 250
โรงไฟฟ้าเเบบมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเก็บกักน้ำในฤดูฝนและสามารถไปใช้ในฤดูแล้งได้ เพราะสามารถควบคุมการใช้น้ำในการผลิตกระเเสไฟฟ้าเสริมในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงตลอดทั้งปี 4. โรงไฟฟ้าเเบบสูบน้ำกลับ สามารถสูบน้ำที่ปล่อยจากอ่างเก็บน้ำลงลา แล้วกลับขี้นไปเก็บขึ้นไปเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้อีก เช่น เวลาเที่ยงคืนนำไปสะสมไว้ในรูปของการเก็บน้ำในอ่างเก็บน้ำเืพื่อที่จะสามารถใช้ผลิตกระเเสไฟฟ้าได้อีกครั้ง