ยกระดับการศึกษาปฐมวัยและประถมศึกษาผ่านการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะ (Inquiry) เพื่อส่งเสริมให้เด็กรู้จักสักเกต คิด ตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยตนเอง วางรากฐานทักษะการเรียนรู้ของเด็กในระยะยาว จนเติบโตเป็นทรัพยกรณ์มนุษย์ที่มีคุณภาพต่อประเทศไทย ปลูกฝังแนวทางการเรียนรู้อย่างยั่งยืนให้กับโรงเรียนและชุมชน โดยคำนึงถึงบริบทในท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ ผ่านการขับเคลื่อนผ่านผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (Local network) พัฒนาคุณภาพครูด้านเทคนิคการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา จนเข้าใจกระบวนการสืบเสาะ (Inquiry) อย่างแท้จริง
ย. 60 น. ส. ภัทรกา 2. ขั้นดำเนินการ(do) 1. ร่วมประชุมวางแผนกำหนดแนวทางในการจัดการเรียนการสอนแบบโครงการเพื่อลงสู่การปฏิบัติ 2. ครูจัดทำแผนการเรียนรู้แบบโครงการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับปฐมวัยตลอดปีการศึกษา -จัดทำเป็นรูปเล่ม 3. ประกวดผลงานกิจกรรมโครงการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับปฐมวัย 4 มิ. 61-29 มี. ค62 4มิ. 61 –29 มี. 62 ครูปฐมวัย กรรมการ 3. ขั้นตรวจสอบ ประเมิน(cheack) 1. ประเมินผลกิจกรรม 20 มี. 62 4. ขั้นสรุป (action) สรุปและรายงานผลกิจกรรม 29 มี.
หลักฐานการทำกิจกรรมของโครงงาน: เป็นผลงานของเด็กที่แสดงถึงความสามารถในการบันทึก สรุป (แบบบันทึก ชิ้นงาน) และรูปถ่ายขณะเด็กทำกิจกรรม 7. การสรุปผล: มีการสรุปผลสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงงานโดยพิจารณาจากร่องรอย หลักฐานการเรียนรู้ของเด็ก 8. มีแบบรายงานสรุปกิจกรรมสอดคล้องกับสมุดบันทึกผล (Logbook) จำนวน 20 กิจกรรม วิธีการทางวิทยาศาสตร์(Scientific Method) วิธีการทางวิทยาศาสตร์(Scientific Method) ปัจจุบันวิธีการหาความรู้ความจริงที่สังคมในวง กว้างให้การยอมรับว่าเป็นวิธีการหาความรู้ที่มีความน่าเชื่อถือคือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ชาร์ลดาร์วิน (Charles Darwin) นำวิธีอนุมานของอริสโตเติลและวิธีอุปมานของเบคอนมารวมกันเพราะเห็นว่าทั้งสอง วิธีจะมีประโยชน์อย่างมากในการที่จะค้นความความรู้ความจริงและตรวจสอบความถูกต้องความรู้ความจริง นั้นเมื่อรวมทั้งสองวิธีเรียกว่าวิธีการอนุมาน-อุปมาน (Deductive-Inductive Method) เป็น 5 ขั้น 1. ขั้นปัญหา (Problem) เป็นขั้นตอนที่เราจะสังเกตพบปัญหาในความต้องการความรู้ความจริงหนึ่งว่ามีเหตุการณ์หรือสภาพการณ์เป็นอย่างไรมีเหตุหรือปัจจัยอะไรที่ทาให้เกิดเหตุการณ์หรือสภาพการณ์นั้น 2.
ชื่อ/หัวข้อโครงงาน - การตั้งชื่อเรื่อง เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา เมื่ออ่านชื่อเรื่องแล้วสามารถบอกได้ว่า เรื่องนั้นมีวิธีการศึกษาอย่างไร - ชื่อเรื่องควรเป็นชื่อที่น่าสนใจ - การตั้งชื่อเรื่องให้กะทัดรัด ได้ใจความสมบูรณ์ สื่อความหมายตรง เข้าใจง่าย 2. ชื่อผู้จัดทำโครงงาน 3. ชื่อครูที่ปรึกษา 4. ระยะเวลา แสดงถึงระยะเวลาในการหาคำตอบที่เด็กสงสัย อาจใช้เวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน ขึ้นอยู่กับเรื่องที่ศึกษา 5. ที่มา - เกิดจากความสนใจ ข้อสงสัยของเด็กจากการจัดกิจกรรมประสบการณ์การเรียนรู้ เหตุการณ์ หรือสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน โดยเด็กและครูร่วมกันวางแผน การเลือกโครงงานควรเป็นไปตาม ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ ความสงสัยและความต้องการของเด็ก เพื่อจะตอบปัญหาที่เกิดขึ้นจาก กิจกรรมการเรียนรู้ เด็กอยากรู้อยากเห็นและต้องการคำตอบด้วยตนเอง - มาจากการต่อยอดกิจกรรมในกล่องบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย 6. วัตถุประสงค์ - ตอบข้อสงสัยในเรื่องที่ศึกษา 7. ขั้นตอนการทำโครงงาน - การจัดทำโครงงาน ประกอบด้วยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 8 ทักษะ (การสังเกต การวัด การคำนวณ การจำแนกประเภท การหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติกับมิติและมิติกับเวลา การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล การลงความคิดเห็นจากข้อมูล และการพยากรณ์หรือการทำนาย) - การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แสดงถึงการปฏิบัติจริงของเด็ก และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง (มีภาพประกอบขณะเด็กทำแต่ละขั้นตอน) 8.
ส่งเสริมการเห็นคุณค่าของตนเองและมีความกระตือรือร้น (คือเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้) 2. ส่งเสริมการทำงานรายบุคคลและการคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาของเด็ก 3. ยอมรับรูปแบบการเรียนรู้จากวัสดุอุปกรณ์ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่เป็นธรรมชาติ การรับรู้และความพยายามของเด็กหลายคนจากการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมมีความสำคัญต่อการรับรู้ชีวิต เรียนรู้ภาษาจากประสบการณ์การทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์ 4. เพื่อเป็นการช่วยอธิบายความเข้าใจด้วยตัวเองของเด็ก 5. ดูแลเอาใจใส่ต่อพฤติกรรมของเด็กที่ปรากฎ เช่น การแสดงความกังวลใจ เด็กที่เกิดความเบื่อ 6. กิจกรรมการค้นพบช่วยให้ผู้เรียนสนใจใฝ่รู้ อยากสืบค้นต่อไป 7. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพทางสติปัญญาของเด็กจากการเรียนรู้ที่เด็กได้สัมผัสกับวัสดุอุปกรณ์ ทำให้เด็กมีแรงจูงใจในการทำกิจกรรมที่มีความยากขึ้น เด็กได้เรียนรู้ภาษาและเนื้อหาสาระแบบบูรณาการ เช่น วิธีการได้รับประสบการณ์ทางภาษาแบบธรรมชาติต่อการอ่าน วิธีการสอนแบบโครงการต่อการพัฒนาหลักสูตร การใช้ประสาทสัมผัส และการใช้กล้ามเนื้ออย่างเหมาะสมกับวัย ผู้แต่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อัญชลี ไสยวรรณ
อาหารต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงสถานะ (ของแข็ง ของเหลว แก๊ส) หรือไม่ อย่างไร 2. น้ำหวานเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งได้อย่างไร 3. น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำได้อย่างไร 4.